Investment Insights

คู่มือซื้อคอนโดมือสองฉบับเริ่มต้นปี 2566

BY Kittipong Kongthanarung

คู่มือซื้อคอนโดมือสองฉบับเริ่มต้น ปี 2566

หากคุณมีความฝันที่จะเป็นเจ้าของคอนโดสุดรักสักที่ แต่คอนโดที่เราชอบดันไปเป็นสินค้ามือสอง วันนี้ทาง bridge estate จะมาแชร์วิธีการและขั้นตอนต่างๆสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดมือสอง ให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่าต้องเตรียมตัวยังไง เพื่อให้ได้ห้องที่ดีและอาศัย อยู่ได้แบบไร้กังวล

​ขั้นตอนแรกคงหนีไม่พ้นการวางเป้าหมายค่อย ตั้งคำถามแล้วหาคำตอบด้วยตัวเองว่าอะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราบ้าง เช่น ทำเลคอนโด, ขนาดห้อง, งบประมาณ ฯลฯ โดยสามารถหาห้องมือสองได้ตามเว็ปไซต์ หรือ facebook กลุ่มซื้อขายต่างๆ ซึ่งก็จะมีเจ้าของห้องมาโพสต์ขายกันเยอะมากครับ ​แต่แนะนำว่าควรหาเวปไซด์ที่เชื่อถือได้จะดีกว่าเพราะจะมีทีมงานมืออาชีพคอยช่วยดูแล ซึ่งตัวอย่างห้องที่ดูไว้ใจได้ก็จะต้องลงรายละเอียดไว้ครบถ้วน ทั้งรูปแบบห้อง รูปภาพจริง สิ่งอำนวยความสะดวก ราคาขายและช่องทางติดต่อ หากเราเจอห้องไหนถูกใจ ก็เริ่มโทรคุยเบื้องต้นก่อนได้เลย ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นเจ้าของห้องโดยตรงเลย หรือจะบางเจ้าของจะใช้บริการนายหน้าอสังหาฯ หรือเอเจนท์ (ซึ่งข้อดีของการใช้เอเจนท์จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้ห้องที่ถูกใจเร็วขึ้น และช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ทั้งหมด)​

​เมื่อเลือกห้องที่ใช่ (สภาพห้องและราคาเป็นที่น่าพอใจ) ก็มาเริ่มดำเนินการในขั้นตอนสำคัญต่อไปกันเลย ​

  1. ร่างสัญญาจะซื้อจะขาย​ ในกรณีที่ตกลงซื้อขายกันผ่านเอเจนท์กระบวนการนี้ก็จะสะดวกหน่อยเพราะเค้าจะทำให้เราหมดครับ โดยรายละเอียดด้านในควรระบุเอาไว้ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาในการซื้อขาย, เงินค่ามัดจำ, สิ่งที่ผู้ขายให้ภายในห้อง, ราคาซื้อขาย, กำหนดวันโอน (โดยส่วนใหญ่จะประมาณ 1 เดือนหลังวันทำสัญญา อันนี้ช่วยไม่ให้ผู้ขายเสียโอกาสนานเกินไปด้วยครับ) และข้อตกลงอื่นๆ ที่ทำร่วมกัน พร้อมทั้งมีการลงนามสองฝ่ายและพยาน ผู้ซื้อและผู้ขายเก็บสัญญากันไว้คนละชุด ควรแนบสำเนาบัตรประชาชนของทั้งคู่ และหน้าโฉนดห้องเอาไว้ด้วย​

*ในส่วนของผู้ขายเองหากได้รับมัดจำแล้ว ควรหยุดทำการตลาดเพื่อการขาย

*ตัวอย่างสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด >> ​https://bit.ly/40i6Gw3 *

  1. กรณีผู้ซื้อต้องกู้แบงค์ และผู้ขายยังคงผ่อนแบงค์อยู่ ผู้ซื้อจะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการยื่นขอสินเชื่อ โดยเบื้องต้นก็จะมี สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของทั้งสองฝ่าย, สำเนาโฉนดห้อง, หนังสือรับรองเงินเดือนผู้ซื้อ 3 เดือนย้อนหลัง และสัญญาจะซื้อจะขายในข้อ 1 ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 1 เดือนในการรอผลอนุมัติ และเมื่อกู้ผ่านเรียบร้อย ก็จะเป็นขั้นตอนของการเตรียมโอนกรรมสิทธิ์

*ตรวจสอบราคาประเมิณที่ดินเบื้องต้นได้ที่ลิงค์นี้ >> https://bit.ly/401B2Dl *

  1. ทั้งสองฝ่ายเดินทางไปกรมที่ดิน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารนำเอกสารมาให้ลงนามด้วย จากนั้นผู้ซื้อจะนำโฉนดห้องตัวจริงยื่นให้เจ้าหน้าที่เผื่อทำการเปลี่ยนใบใหม่ให้เป็นซื้อผู้ซื้อ
  2. สำหรับผู้ขายจำเป็นห้องชำระค่าภาษีต่างๆ ด้วย (ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้ขายก็จะคำนวนค่าภาษีเหล่านี้ไว้ในราคาห้องแล้ว) โดยหลักๆ จะต้องเสีย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, ค่าอากรแสตมป์, ค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอน (จะออกคนละครึ่งหรือผู้ซื้อออกฝ่ายเดียว ขึ้นอยู่กับข้อตกลง คิดเป็น 2% ของราคาประเมิน)​

*ภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับการยกเว้นก็ต่อเมื่อ เป็นเจ้าของคอนโดเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี ดังนั้นใครยังไม่เคยย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านที่คอนโดตัวเอง แล้วต้องการขายก็จำเป็นต้องเสียภาษีตรงนี้ 3.3% ของราคาประเมินด้วย​

  1. ลงนามโอนกรรมสิทธิ์กันแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารฝั่งผู้ซื้อจะนำเช็คที่ผู้ซื้อกู้ผ่านไปให้กับทางธนาคารฝั่งผู้ขาย ถือเป็นการจ่ายตังค์ซื้อขายห้องชุดกันเรียบร้อย จากนั้นผู้ซื้อจะได้รับเอกสารสำคัญอย่าง สัญญาซื้อขาย, โฉนดห้อง และกุญแจต่างๆ กลับมา​

อีกอย่างที่สำคัญและห้ามละเลยในขั้นตอนก่อนจะไปโอนคือ ควรตรวจสอบให้ดีว่าผู้ขายได้ทำการปลดหนี้ต่างๆ ที่มีไว้กับทางคอนโดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ​ ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าส่วนกลางต่างๆ โดยจะต้องมีใบปลดหนี้ที่มีลายเซ็นต์ผู้จัดการนิติฯ และนำใบปลดหนี้นั้นไปในวันโอนด้วย (ใบปลดหนี้มีอายุ 7 วันเท่านั้น) และผู้ขายยังต้องทำการโอนมิเตอร์ไฟฟ้า, โทรศัพท์ ให้เรียบร้อยด้วย ส่วนถ้าผู้ขายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านอยู่แล้วก็แค่ทำเรื่องออกจากสำนักงานเขต

​อันที่จริงเอกสารและขั้นตอนต่างๆ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก สำหรับมือใหม่การเลือกซื้อขายผ่านนายหน้าก็ดูจะช่วยลดปัญหาและประหยัดเวลาได้ ส่วนการเลือกห้อง และการตัดสินใจต่างๆ ตัวเราเองนี่แหละ ที่ต้องดูให้ดีก่อน เพราะต่อให้เป็นคอนโดมือสองที่มีราคาถูกกว่าซื้อใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นเงินก้อนใหญ่ ที่สำคัญที่แห่งนี้กำลังจะเป็นกลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่เราต้องใช้ชีวิตในทุกๆ วัน ดังนั้นเลือกที่ๆ ใช่ ใช้เวลาในการหาข้อมูลให้เพียงพอ เตรียมตัวเลือกให้มากกว่าหนึ่ง ตรวจสอบสภาพห้อง เหตุผลของการขาย ตรวจสอบเอกสารให้ถี่ถ้วน เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าจะสามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุขทั้งยามนอนและตอนตื่นนั่นเอง ​

และวันนี้ทาง Bridge estate หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับใครกำลังวางแผนปรับเปลี่ยน ขยับขยายย้ายที่จะซื้อคอนโดมือสองพอได้เห็นภาพรวมและการขั้นตอนรวมถึงเตรียมตัวต่างๆ  ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอาจจะมีเพิ่มเติมจากนี้อีก ท่านใดมีแพลนจะซื้อคอนโดมือสองแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรลองติดต่อให้ Bridge estate ดูแลได้เลยไม่มีค่าใช้จ่าย

คลิ๊ก : http://bit.ly/3FA8AQC

Line :​ https://lin.ee/CVCC2we

​ขอบคุณข้อมูลจาก: ddproperty, Plus+ ​, livingsneakpeek

 

Share This Article
Back to Archive